- Balancer ซึ่งมีหน้าที่หลักคือรักษาสมดุลย์ในแต่ละ Cell เพื่อยืดอายุการใช้งานเนื่องจากเมื่อนำแต่ละ Cell มาต่อกันจะพบปัญหาว่าแต่ละ Cell นั้นมีค่าการประจุและคายประจุไม่เท่ากัน โดย Balancer แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
- แบบที่ 1 Passive Balancer
ตัวอย่าง Passive Balancer
หลักการทำงาน Balancer ชนิดนี้จะนำแรงดันส่วนเกินไปจ่ายกระแสทิ้งที่ Resister (R1-R4) ตัวอย่างตามรูปนี้ประกอบด้วย HY2212 (AB3A) ทำหน้าที่ตรวจจับแรงดันส่วนเกินส่งไปที่ขา 6 ให้ขอ Gate ของ Mosfet (N-Channel) เบอร์ A2SHB หรือ Si2302DS (Q1-Q4) เพื่อทำการเดรนไปที่ Resister โดย Balancer ชนิดนี้นิยมใช้ในบ้านเรา มีหลายรุ่นให้เลือกตามกระแส Balance เช่น 56mA ,500mA หรือ 1500mA เหมาะกับงานขนาดเล็กที่ต้องการต้นทุนต่ำ
Passive Balancer แบบ 1500mA
ข้อดีคือราคาถูก หาซื้อง่าย
ข้อเสียเกิดความร้อนสูง , ประสิทธิภาพต่ำเนื่องจากพลังงานส่วนเกินสูญเสียไปในรูปของความร้อน ส่งผลใช้เวลาในการชาร์จนานกว่า
วงจร Passive Balancer
หลักการทำงาน Balancer ชนิดนี้จะนำแรงดันส่วนเกินไปชาร์จที่ Cell อื่นที่มีแรงดันต่ำกว่าโดยใช้ IC สำเร็จรูปซึ่งมีหลายเบอร์เช่น LTC3300 ISL94202 ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบแรงดันแต่ละ Cell ให้ต่างกันไม่เกิน 1.2mV และจะนำแรงดันส่วนเกินส่งไปชาร์จที่ Cell อื่นที่มีแรงดันต่ำกว่า ทำการเหมาะกับงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง โดย Board บางรุ่นสามารถนำมาต่ออนุกรมกันเพื่อเพิ่มจำนวนอนุกรม Cell ได้
- Battery Management System (BMS) ทำหน้าที่เหมือน Balancerและเพิ่มส่วนของการป้องกัน Overload และหรือมี temperature Sensor ,ต่อเชื่อมกับมือถือหรือคอมพิวเตอร์เพื่อแสดงค่าต่างๆมาด้วย